วันเสาร์ที่ 02 เมษายน 2011 เวลา 00:00 น.
ในการออกแบบเว็บไซต์โดยทั่วไปแล้ว เรื่องของความสวยงามอาจไม่สามารถวัดเป็นข้อมูลชัดๆได้ว่า สวยไม่สวย หรือได้คะแนนการออกแบบกี่คะแนน แต่สำหรับแนวทางออกแบบ Web Design เพื่อบริษัทและธุรกิจ
ผมอยากแนะนำให้ทุกเว็บไซต์บริษัท online marketing หรือใช้ในการโปรโมทแคมเปนจ์โฆษณา อย่าลืมเรื่องง่ายๆที่มีผลมากกับธุรกิจพวกนี้
1.ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท (About Us)
ยกตัวอย่าง case study จาก Virgin.com (Virgin Group) แล้วกันครับ มีบริษัทลูกในเครือหลายสิบบริษัท แต่สรุปสั้นๆให้เห็นภาพ จบในหน้าเดียวได้ ส่วนถ้าหากข้อมูลอื่นๆ จะเห็นว่าด้านซ้ายเค้ามีให้เลือกเพิ่มครับ
2.ติดต่อบริษัท (Contact Us)
เพื่อความสะดวกของลูกค้ามากที่สุดในการติดต่อกลับมาหาบริษัท แบบฟอร์มในการติดต่อบนเว็บไซต์ (Contact form) ที่อยู่ และข้อมูลในการติดต่อทั้งหมด ควรจะมีรวมอยู่ในที่เดียวให้ครบนะครับ ถ้าเกิดว่าใครมี Social Network Marketing Tools ตัวไหนอยู่ด้วย เช่น twitter, facebook, msn ก็ใส่ให้หมดได้เลย และอย่าลืมตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์และช่องทางการติดต่อว่ายังสามารถใช้งานได้จริงเป็นระยะด้วยเว็บไซต์บริษัทใหญ่ๆหลายๆเว็บ ที่ไม่ได้มีคนดูแลเป็นประจำ เบอร์โทรศัพท์ผิด โทรติดต่อไม่ได้ เสียความน่าเชื่อถือที่ลงทุนไปหลายเลยครับ
ในภาพจะเห็นว่า Mercedes Benz มี่องทางการติดต่อหลายรูปแบบ อาจจะมีฟอร์มหลายรูปแบบ และการติดต่อมีหลายฝ่ายก็ตาม แต่ทำให้ดูง่ายและแสดงถึง corporate brand identity อย่างเด่นชัด
3.แผนที่ (Maps)
สำหรับ Web Design เพื่อบริษัทและธุรกิจที่ไม่ได้เป็น ห้างขนาดใหญ่ landmark ประเภทที่ไม่ต้องมีแผนที่ก็รู้ว่าอยู่ที่ไหนอย่าง Siam Paragon, Central World เหล่านี้ หรือสินค้าประเภท digital goods สามารถปิดการขายและส่งสินค้าได้ทางอินเตอร์เน็ต ยกตัวอย่างเช่น ดาวโหลดโปรแกรม โหลดเพลงริงโทน ฯลฯถ้าไม่ใช่ธุรกิจที่ว่ามาข้างต้น ผมแนะนำให้คุณใส่แผนที่ไปเถอะครับ รับรองว่าได้ใช้แน่นอน ถ้าทันสมัยหน่อย อาจจะใช้ Google Maps เข้าไป มันก็ง่ายสำหรับคนสมัยใหม่ยุค smartphone ครับ แต่ก็อย่าลืมคิดว่า บางทีการมีแผนที่แบบง่ายๆสำหรับคนใช้เทคโนโลยีไม่เก่ง ก็ควรจะมีด้วยครับ จะใส่ไว้เป็นตัวเลือกของลูกค้าก็ดีนะ จะเป็น graphic อะไร ก็ขอให้ ง่ายและใช้งานได้หลากหลาย(Compatible)กับเครื่องหลายรูปแบบ มีภาษาที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ และควรให้มันออกมาดูดีสมฐานะธุรกิจด้วยละครับ
Starbucks สร้างหน้าชื่อ Store Locator หรือการหาร้านกาแฟ Starbucks ว่าอยู่จุดไหน ผ่านทางการใช้ Location Based + Interactive Maps ที่ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกร้านที่ตนต้องการ ในบริเวณใกล้บ้านได้อย่างง่ายๆ อันนี้สำหรับธุรกิจที่มีหลายสาขา ค่อนข้างจะได้ประโยชน์มาก แต่ธุรกิจสาขาเดียวก็สามารถนำไอเดียไปประยุกต์ได้ครับ :)
4.เบอร์โทรศัพท์ (Telephone Number)
คุณอาจจะมีทุกช่องทางการติดต่อแสนไฮเทคมากมายแล้วก็ตาม แต่สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก อย่าลืมใส่เบอร์โทรศัพท์ ที่เห็นแล้วเข้าใจง่ายๆ ลงไปในจุดที่เห็นได้ชัดทุกหน้าด้วยนะครับ และตามธรรมเนียมให้ดี ควรจะมีที่ส่วนล่างสุดของหน้าอีกหนึ่งจุด จากประสบการณ์ตรงของผม ลูกค้าหลายราย เห็นหน้าเดียวอยากติดต่อ ก็ไม่ดูอะไร หยิบมือถือกันดื้อๆเลย เยอะแยะไปนะครับ
เว็บไซต์ของโรงแรม Hilton จะใส่เบอร์โทรศัพท์ไว้ที่ footer ของทุกๆหน้า คือเบอร์ 1-800-HILTONS บ้านเราอาจจะยังไม่คุ้นกับการใส่เบอร์โทรศัพท์เป็นชื่ออักษร แต่ต่างประเทศธุรกิจจองเบอร์ 1800 กันให้ควัก เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อของลูกค้าจากทั่วโลก
5.ระบบค้นหา (Search)
ระบบค้นหาภายในเว็บไซต์ถามว่าจำเป็นไหม ก็เหมือนกับการที่คุณไปซูเปอร์มาเก็ต บางคนอาจจะรู้ว่าสินค้าที่ต้องการอยู่ตรงไหน ก็เดินตรงเข้าไปเอง (self browsing behavior) แต่ลูกค้าอีกครึ่งนึง ก็นิยมที่จะเดินเข้าไปถามพนักงานว่าของนี้อยู่ที่ตรงไหนนั่นแหละครับ คือข้อดีของการมีช่องค้นหาไว้ทุกหน้าของเว็บไซต์ เพื่อการเข้าถึงข้อมูลและสินค้าของคุณได้เยอะขึ้นครับ
ที่มา pongrat.com
http://www.pongrat.com/social-network/marketing/5-must-web-design-for-business/
![]() | Today | 137 |
![]() | Yesterday | 98 |
![]() | This week | 465 |
![]() | Last week | 950 |
![]() | This month | 2744 |
![]() | Last month | 3268 |
![]() | All days | 255812 |